ออกกฎเข้มคุมพระสงฆ์ กรณีการบิณทบาตไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย

ออกกฎเข้มคุมพระสงฆ์ กรณีการบิณทบาตไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย

   สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา ได้ออกหนังสือเรื่องขออนุมัตินำเรื่อง กรณีการบิณทบาตไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย เสนอมหาเถรสมาคม (มส.) โดยหนังสือระบุว่า ตามที่มีข้อร้องเรียนผ่านทางระบบการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่ชาติ (พศ.)

   กรณีการบิณฑบาตของพระสงฆ์ที่ไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย เช่น การบิณฑบาตก่อนอรุณ การกลับวัดช้าเกินเวลาที่กำหนด รับบิณฑบาตมากเกินความจำเป็น หรือถ่ายเทอาหารให้บุคคลภายนอก นั่งหรือยืนปักหลักบิณทบาตบริเวณหน้าร้านค้าตลอดจนนำอาหารที่ได้รับมให้ร้านจำหน่ายต่อ รวมทั้งหวังแต่ลาภสักการะ เมื่อบิณทบาตแล้ว อาหาร ดอกไม้ ธูปเทียนที่ได้ไม่นำกลับวัด ทิ้งไว้ข้างทาง เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมแก่สมณวิสัย ทำให้ผู้ที่ใส่บาตรและผู้ที่พบเห็นเสื่อมความศรัทธา เป็นหตุให้เกิดความเสียหายแก่พระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์

 จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ขอเรียนว่า เพื่อเน้นการป้องกันเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวและลดปัญหาข้อร้องเรียน จึงเห็นควรนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะกรรมการมหาเถรสมาคม เพื่อโปรดทราบและพิจารณากำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ดังนี้

1. การออกบิณฑบาตของพระภิกษุสามเณรจะต้องออกบิณฑบาตเวลาได้รับอรุณ และไม่ควรเกินเวลา 08.00 น.
2. การบิณฑบาตโดยยืนหรือนั่งประจำที่ตามร้านขายอาหาร หรือบิณทบาตโดยเร่ร่อนไปตามสถานที่ต่างๆ นอกพื้นที่บิณทบาตแห่งวัดตนไม่สมควรกระทำ
3. การบิณทบาตด้วยการนั่งรับบาตรหรือนั่งในรถรับบาตรไม่สมควรกระทำ
4. สถานที่ที่เป็นแหล่งอโคจร พระภิกษุไม่ควรเข้าไปบิณทบาต
5. การบิณฑบาตไม่ควรสูบบุหรี่ สวมรองเท้า พูดคุยกันโดยไม่มีเหตุจำเป็น ถ่ายเทอาหาร หรือทิ้งดอกไม้ให้กับเจ้าของร้านอาหาร หรือแย่งกันรับของปัจจัย
6. เมื่อบิณฑบาตเสร็จแล้ว ไม่ควรยถา สัพพี

** ทางสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมกำชับให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ในทุกระดับ ตลอดจนพระวินยาธิการ คอยตรวจตรา สอดส่องดูแล พระภิกษุสามเณรในการบิณบาตให้เป็นไปตามหลักพระธรรมวินัย โดยยึดหลักเสขิยวัตรเป็นเกณฑ์

ออกกฎเข้มคุมพระสงฆ์ กรณีการบิณทบาตไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย

 

HATYAITODAYNEWS

อ้างอิง : สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม

Next Post

สัมภาษณ์ อาจารย์ม.อ.หาดใหญ่ ผ่านมุมมองแนวคิดเศรษฐศาสตร์ สู่เศรษฐกิจหาดใหญ่-สงขลา

Fri Aug 14 , 2020
สัมภาษณ์ อาจารย์ม.อ.หาดใหญ่ ผ่านมุมมองแนวคิดเศรษฐศาสตร์ สู่เศรษฐกิจหาดใหญ่-สงขลา นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมล่วงมาจนถึงปัจจุบัน หาดใหญ่-สงขลา ได้กลายสภาพเป็นเมืองที่อยู่ในสภาวะโคม่าทางเศรษฐกิจอย่างหนัก อย่างที่ทราบกันดีว่าหาดใหญ่-สงขลาบ้านเรานั้นอาศัยเม็ดเงินจากประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นเมืองน้ำหล่อเลี้ยงจนเคยทำให้หาดใหญ่-สงขลาเป็นพื้นที่ที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงเป็นอันดับต้นๆของประเทศ วันเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายๆอย่างไม่เหมือนเดิม เพียงช่วงเวลาเพียง 4 เดือนเศษ ผลกระทบดังกล่าวทำให้หาดใหญ่กลายเป็นเมืองที่ผู้ประกอบการต่างพูดไปทางเดียวกันว่า “ย่ำแย่เหลือเกิน” ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาทางสำนักข่าว Hatyai Today News ได้ลงพื้นที่เพื่อไปพูดคุยกับ ดร. สินาด ตรีวรรณไชย คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยเขตหาดใหญ่ ในเรื่องการนำหลักคิดทางเศรษฐศาสตร์มาอธิบายเศรษฐกิจพื้นที่ หาดใหญ่-สงขลา ผ่าน 6 คำถามที่จะไขข้อสงสัยเรื่องราวเศรษฐกิจ หาดใหญ่-สงขลา 1.สภาวะเศรษฐกิจในพื้นที่หาดใหญ่ปัจจุบันตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ปัจจุบันจังหวัดสงขลานะครับเป็นจังหวัดที่มีรายได้รวมสูงสุดในภาคใต้ มีรายได้กว่า 240,000 ล้านบาทครับแต่ว่าถ้าเป็นรายได้ต่อหัวในภูเก็ตจะสูงกว่าครับ โดยโครงสร้างส่วนใหญ่ของสงขลา จะมีรายได้ผูกพันกับเรื่องของอุตสาหกรรมยางพาราแปรรูป แล้วก็อุตสาหกรรมอาหารทะเลกระป๋องและแช่เย็น เมื่อคิดเป็นตัวเลขซึ่งก็จะประมาณ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ในภาคของการเกษตรจะอยู่ที่ 14 เปอร์เซ็นต์ และการค้าขายคิดเป็นประมาณ 13 เปอร์เซ็นต์นะครับ อย่างอื่นก็จะมีรวมๆกันไป จะพบว่าสิ่งที่สำคัญที่จังหวัดสงขลาต้องพึ่งพิงคือทรัพยากรทางธรรมชาติและทรัพยากรในเชิงของการเกษตร รวมถึงความเป็นเมืองเฉพาะของหาดใหญ่ที่มีความเป็นเมืองของการค้าขายอยู่แล้วครับ […]
สัมภาษณ์ อาจารย์ม.อ.หาดใหญ่ ผ่านมุมมองแนวคิดเศรษฐศาสตร์ สู่เศรษฐกิจหาดใหญ่ สงขลา