เจาะเรื่องราว บอส อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง คดีดังในอดีต โดนหมายจับจาก Interpol และล่าสุดอัยการสั่งไม่ฟ้อง
จากกรณีล่าสุด โดยคำสัมภาษณ์ของ ผกก.สน.ทองหล่อ ได้ระบุว่า อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง ในทุกข้อกล่าวหา และพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลเพิกถอนหมายจับในคดีขับรถชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อปี 2555 และเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 ก.ค. ทำให้ชื่อของ “บอส วรยุทธ อยู่วิทยา” กลับมาเป็นที่สนใจของคนไทยอีกครั้งเมื่อสื่อนอก อาทิ ซีเอ็นเอ็น และรอยเตอร์ รายงานว่า นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส หลานของนายเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องดื่มกระทิงแดง อาณาจักรธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับโลก รอดพ้นคดีขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงแก่ความตายเมื่อปี 2555 แล้ว หลังจากที่อัยการสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา
เมื่อพูดถึงตระกลูอยู่วิทยานั้น มีชื่อเสียงมาจาก คุณ เฉลียว อยู่วิทยา” ผู้ก่อตั้งบริษัทกระทิงแดง ที่มีชื่อเสียง มีมูลค่าทรัพย์สินราว 5,000 ล้านดอลลาร์ ในการจัดอันดับมหาเศรษฐีของนิตยสารฟอร์บส์ มักยกให้นายเฉลิมเป็น “ผู้นำ” ของตระกูลอยู่วิทยาต่อจากนายเฉลียว ในปี 2563 เฉลิมเป็น 1 ใน 8 ผู้ที่มีรายชื่อในทำเนียบที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของเมืองไทย ต่อจากตระกูลเจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ เมื่อมองกลับมายังทายาทรุ่นลูก หนึ่งในนั้นคือ บอส หรือ นาย วรยุทธ อยู่วิทยา ซึ่งเป็นทายาทคนที่สามของ “นายเฉลิม อยู่วิทยา” ได้ก่อคดีดังที่ภาพสะท้อนต่อสังคมไทยว่า
“คุกมีไว้ขังแค่คนจนอย่างนั้นหรือ”
ย้อนกลับไปยังช่วง 7 ปีที่แล้วเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 นายวรยุทธได้ตกเป็นผู้ต้องหาคดีขับรถหรูชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิต โดยในวันนั้นได้มี เฟอร์รารี่ สีบรอนซ์เทา ที่วิ่งมาด้วยความเร็ว พุ่งชนดาบวิเชียร และรถ จยย.อย่างแรง กระทั่งรถจักรยานยนต์มาล้มลงที่ปากซอยสุขุมวิท 49 โดยห่างจากจุดพบศพ 200 เมตร! หลังจากนั้นตำรวจชุดสืบสวน ได้แกะรอยตามคราบน้ำมัน ตามไปจนถึงบ้านหรูหลังมหึมา ภายในซอยสุขุมวิท 53 ซึ่งชัดเจนว่าบ้านหลังนี้เป็นของเจ้าสัวกระทิงแดง หลายสื่อได้รายงานตรงกันว่า เจ้าหน้าที่ถูกคนในบ้านสกัด กันไว้ไม่ให้เข้า จน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือ บิ๊กแจ๊ด ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) ในขณะนั้น ต้องยกกำลังปิดล้อมบ้านพัก จึงยอมเปิดประตูให้เข้าไปได้ แต่ก็พบเพียงแพะรับบาปซึ่งเป็นพ่อบ้านออกมามอบตัวแทน เรื่องดังกล่าวร้อนไปถึงหู บิ๊กแจ๊ด ได้ประกาศลั่นพร้อมดำเนินการทางกฏหมายทายาทกระทิงแดงอย่างถึงที่สุด
ต่อมา นายบอสได้ถูกแจ้งใน 2 ข้อหาคือ บรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชน และมีความเห็นไม่ฟ้อง 2 ข้อหา คือ 1.ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ2.ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกชน
ทั้งนี้มีความเห็นไม่ฟ้อง 2 ข้อหา คือ 1.ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนดเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต และ 2.ขับรถโดยขณะมึนเมา ในส่วนของข้อหาขับรถขณะมึนเมาที่ไม่ได้มีการสั่งฟ้องไปนั้น นับเป็นเรื่องที่ชวนงงอยู่ไม่น้อยเพราะนาย บอส ผลตรวจแอลกอฮอล์เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด อย่างชัดเจน
ขอเลื่อนนัด 5 ครั้ง ขอความเป็นธรรมประเด็นขับรถเร็วเกินกำหนด ขอสอบพยานเพิ่มอีก 4 ปาก ขอบอกว่าทายาทกระทิงแดงมีอาการป่วย นี่คือ 4 ขอที่ทางทีมทนายของทยาทกระแดงอ้างเพื่อช่วยเหลือนาย บอสจากเหตุการณ์ดังกล่าว จนทำให้นาย บอสหลุดจากคดีลหุโทษขับรถเร็วเกินกำนดไปโดยปริยาย แน่นอนว่าเมื่อช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้เข้ามาทบทวนคดีดังกล่าวอีกครั้ง กรณีที่ทายาทกระทิงแดง ผู้ต้องหา ไม่ให้ถูกดำเนินคดี ทำให้ตำรวจ จำนวน 7 นาย ถูกลงโทษทางวินัยทันที
“Interpol ขึ้นหมายด่วนเร่งจับทายาทตระกูลดัง กระทิงแดง”
หลังจากที่ทายาท กระทิงแดงได้หนีออกนอกประเทศไปกว่า 5 ปีเศษ ได้มีคลิปหลุดว่าเจ้าตัวใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ณ มหานครลอนดอน ประเทศอังกฤษจนทำให้องค์การตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล แพร่หมายจับ “บอส อยู่วิทยา” ทายาทกระทิงแดง บนเว็บไซต์แล้ว ระบุ เป็นคนที่ทางการไทยต้องการ ฐานหนีคดีในข้อหาขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เหลืออีกอายุความอีก 10 ปี ได้เผยแพร่หมายจับ สถานะหมายแดง diffussion for red notice ให้กับ ทายาทนักธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง บนเว็บไซต์ของตำรวจสากล www.interpol.int ได้มีการระบุว่า นายบอสเป็นบุคคลที่ฝ่ายกระบวนการยุติธรรมไทยต้องการตัว ในหมายจับที่เผยแพร่มีการลงภาพถ่ายตามบัตรประชาชน ภาพหน้าตรง ในทรงผมที่แตกต่างกัน 3 ภาพ รูปพรรณสัณฐานของนายวรยุทธ รวมทั้งข้อหาที่ถูกดำเนินคดี
ทางด้านรองโฆษก ตร. กล่าวว่า กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการติดตามตัวผู้ต้องหาจากตำรวจสากล ซึ่งที่ผ่านทางกองการต่างประเทศ และตำรวจสากล ได้ประสานงานร่วมกันในการติดตามมาโดยตลอดอยู่แล้ว หากพี่น้องประชาชน ทราบเบาะแส หรือพบเห็น สามารถแจ้งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้
“โลกโซเชียลรุกฮือประชาชนถามหาความเท่าเทียม ลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงแดง?”
ในช่วงสายของวันนี้ 24 กรกฎาคม 2563 ความคืบหน้าคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบกับแหล่งข่าวสังกัดศาลยุติธรรม ภายหลังมีรายงานสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่าอัยการไม่สั่งฟ้องคดีและตำรวจได้ยกเลิกหมายจับ นายวรยุทธ ซึ่งแหล่งข่าวยืนยันว่า “ขณะนี้ศาลยังไม่มีคำสั่งเพิกถอนหมายจับ นายวรยุทธ”
ความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลล่าสุด ได้มีเพจเฟซบุ๊ก “แหม่มโพธิ์ดำ” โพสต์ข้อความว่า “ฟังตำรวจแถลงจบแล้ว ได้แต่บอกว่าเศร้าใจXXหาย กับมหากาพย์เป้าหมายมีไว้พุ่งชน ทายาทกระทิงแดง ชนตำรวจตายแล้วหนี ประชาชนตามติดมาแปดปี แล้วอัยการก็หักอกชาวไทย ด้วยการสั่งไม่ฟ้อง” รวมถึงผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวนมากที่พอใจกับการตัดสินในเรื่องดังกล่าว
ทางด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า คดีนี้เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ มีหลายคดีที่ตำรวจมีความเห็นแย้ง ซึ่งยึดตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่เรื่องสองมาตรฐานใดๆ
ที่ผ่านมาพนักงานอัยการสั่งให้พนักงานสอบสวนสอบเพิ่มเติมในหลายประเด็น และพนักงานสอบสวนก็ส่งความเห็นเพิ่มเติมไปหลายครั้ง จนถึงที่สุดเมื่อเดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา “พนักงานอัยการก็มีความเห็นเป็นเด็ดขาดออกมา ซึ่งไม่มีใครจะสามารถก้าวล่วงได้ ยืนยันว่าการเห็นแย้งหรือไม่แย้งต้องอยู่ที่พยานหลักฐาน ไม่ได้ทำตามกระแสสังคม”
ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าตำรวจมีการเข้าข้างทำสำนวนนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ก็เปิดโอกาสให้ตรวจสอบมาโดยตลอด การสั่งไม่ฟ้องข้อหาใด ก็มีเหตุผลความจำเป็นและพยานหลักฐานสนับสนุนอยู่แล้ว และก็มีการดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องซึ่งบกพร่องในการทำสำนวนคดีนี้ในอดีตไปแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เสียใจกับความสูญเสีย ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ ตำรวจก็อยากจะจับกุมให้ได้และดำเนินคดี แต่คดีเป็นเรื่องของการรวบรวมพยานหลักฐาน
ไม่ใช่มองแต่ว่าเป็นเรื่องของคนรวยคนมีเส้นมีสาย ถ้ามีพยานหลักฐานใหม่ก็สามารถที่จะกลับมาฟ้องใหม่ได้ เพราะตำรวจก็สูญเสีย พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวทิ้งท้าย
อ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติมจาก : องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ และ BBC ประเทศไทย
