โครงการคนละครึ่ง หากใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือร่วมกันโกงต้องชดใช้ความเสียหายแก่กระทรวงการคลัง

โครงการคนละครึ่ง หากใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือร่วมกันโกงต้องชดใช้ความเสียหายแก่กระทรวงการคลัง

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าโครงการคนละครึ่ง ว่า ขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการเต็มจำนวน 10 ล้านคนแล้ว ซึ่งระบบจะทำการตรวจสอบและส่ง SMS แจ้งยืนยันสิทธิ์โดยเร็ว สำหรับยอดลงทะเบียนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบและยอดผู้ได้รับสิทธิ์ที่ถูกตัดสิทธิ์จากการไม่ใช้จ่ายภายใน 14 วัน จะมีการรวบรวมมาเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนใหม่ต่อไป ส่วนความคืบหน้าล่าสุด ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2563 เวลา 12.00น. ที่ผ่านมา มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 4 แสนร้านค้า และมียอดการใช้จ่ายสะสม 1,255.44 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 626.97 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 598.47 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 229 บาทต่อครั้ง โดยมีการใช้จ่ายครบทุกจังหวัด ส่วนกรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด
โครงการคนละครึ่ง หากใช้ผิดวัตถุประสงคืหรือร่วมกันดกนต้องชดใช้ความเสียหายแก่กระทรวงการคลัง

รองโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวด้วยว่า กระทรวงการคลัง และธนาคารกรุงไทย ในฐานะผู้ดูแลระบบของโครงการคนละครึ่งได้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามตรวจสอบพฤติกรรมหรือธุรกรรมที่ผิดปกติ โดยธนาคารกรุงไทย ได้นำระบบการป้องกันการทุจริตในกิจกรรมที่เกี่ยวกับการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรฐานสากลมาสนับสนุนโครงการเพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งหากพบพฤติกรรมหรือธุรกรรมที่ผิดปกติ หรือมีการใช้จ่ายที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขโครงการจะมีการระงับการใช้แอปพลิเคชันตลอดจนการจ่ายเงินทั้งฝั่งร้านค้าและประชาชนทันที หากตรวจสอบพบว่าการใช้จ่ายผิดเงื่อนไขโครงการจริงจะดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ขอให้ประชาชนและร้านค้าโปรดอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนตามโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ ในการช่วยดำเนินการโดยไม่มีการใช้จ่ายซื้อสินค้าจริงอย่างเด็ดขาด เพราะอาจตกเป็นเหยื่อในการสนับสนุนให้เกิดการกระทำความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

กระทรวงการคลัง เผยโครงการคนละครึ่ง ขอให้ประชาชนและร้านค้าโปรดอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนตามโฆษณาที่ไม่ได้มาจากทางรัฐบาล

HATYAITODAYNEWS

อ้างอิง : สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 กรมประชาสัมพันธ์

Next Post

เรือนจำจังหวัดสงขลา เปิดปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกรณีพิเศษ ตรวจหาสารเสพติด สุ่มตรวจปัสสาวะผู้ต้องขัง

Thu Oct 29 , 2020
เรือนจำจังหวัดสงขลา เปิดปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกรณีพิเศษ ตรวจหาสารเสพติด สุ่มตรวจปัสสาวะผู้ต้องขัง วันนี้ 29 ต.ค. 63ที่เรือนจำจังหวัดสงขลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายดำรงค์ บัวฤทธิ์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสงขลา นำเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดสงขลา เข้าจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกรณีพิเศษตั้งแต่รุ่งสาง เพื่อตรวจหาสารเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย และเครื่องมือสื่อสาร โดยได้แยกย้ายเข้าตรวจค้นเรือนนอน ตู้เก็บสิ่งของ และอาคารสถานที่ภายในเรือนจำอย่างละเอียดและเข้มงวด  นายดำรงค์ บัวฤทธิ์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดสงขลา กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในปัจจุบันยังมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นภัยคุกคมสังคมต่อการพัฒนาประเทศและความสงบสุข ของประชาชน นำไปสู่ปัญหาการก่ออาชญากรรมต่าง ๆ ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อภาพลักษณ์ และเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศมาอย่างยาวนาน การดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาลที่ผ่านมาทำให้มีการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเป็นจำนวนมาก รัฐบาลจึงได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติด เป็น “วาระแห่งชาติ” ที่ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน สำหรับเรือนจำจังหวัดสงขลา มีภารกิจด้านการควบคุม ผู้กระทำความผิดตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดสงขลา ซึ่งผู้ต้องขังส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติด บางคนมีอิทธิพลด้านการเงินและมีเครือข่ายภายนอกเรือนจำเป็นจำนวนมาก อาจพยายามลักลอบใช้เรือนจำเป็นฐานการสั่งซื้อ ซื้อขายยาเสพติด โดยใช้โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์สื่อกลางในการติดต่อกับเครือข่ายภายนอกเรือนจำและอาจลักลอบนำยาเสพติดเข้าไปภายในเรือนจำ  เรือนจำจังหวัดสงขลา ได้ดำเนินการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกรณีพิเศษทุกเดือน ๆ ละ 1 […]
เรือนจำจังหวัดสงขลา เปิดปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกรณีพิเศษ ตรวจหาสารเสพติด สุ่มตรวจปัสสาวะผู้ต้องขัง