จุฬาราชมนตรี ประกาศฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ไม่ผิดหลักศาสนาอิสลาม
วันที่ 14 ก.ค. 64 อาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ได้ออกคำวินิจฉัย (ฟัตวา) เรื่องการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 มีรายละเอียดระบุว่า ด้วยการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ ที่ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก จนเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและเศรษฐกิจอย่างมหาศาลในขณะนี้ ทุกภาคส่วนของประชาคมโลก ทั้งองค์การอนามัยโลก การสาธารณสุขทุกประเทศทั่วโลก และรวมถึงประเทศไทย ได้สร้างความตระหนักแก่ประชาชนทุกภาคส่วนในการป้องกันตนเองมิให้ต้องประสบกับโรคดังกล่าว ควบคู่กับการเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคนั้น
ดังนั้นการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตในเวลาอันใกล้ จึงเป็นสิ่งจำเป็นตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิต ทรัพย์สิน และความปลอดภัยของสังคม ในการนี้ โดยพิจารณาจากบทวิจัยเกี่ยวกับวัคซีนที่เกี่ยวข้องในปัจจุบัน พบว่ายังไม่มีข้อมูลใดยืนยันหรือรับรองว่ามีการปนเปื้อนหรือมีส่วนผสมของสิ่งต้องห้ามตามหลักการศาสนาอิสลาม ซึ่งสอดคล้องกับการพิจารณาของสภาศาสนบัญญัติอิสลามนานาชาติ (International islamic Fiqh Academy) โดยองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organisation of Islamic Cooperation: OIC)
จาการประชุมร่วมกันระหว่างนักวิชาการด้านนิติศาสตร์อิสลามและนักวิชาการด้านการแพทย์ โดยผู้เชี่ยวชาญ ด้านเภสัชวิทยาและเวชศาสตร์ป้องกัน ว่าวัคซีนที่ใช้ฉีดเพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้นไม่มีส่วนผสมของสิ่งต้องห้ามตามหลักการศาสนาอิสลาม และการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคมิได้หมายความว่าไม่ได้มอบหมายการงานต่างๆ ต่ออัลลอฮ์ (ช.บ.) หากแต่เป็นวิธีการป้องกันที่ดำเนินไปพร้อมกับการมอบหมายต่อพระองค์ และหวังในความเมตตาของพระองค์ที่จะคุ้มครองผู้รับการฉีดวัคซีนและสังคมให้รอดปลอดภัยจากโรค ซึ่งเป็นวิธีการป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคที่ดีกว่าการรักษาหลังจากเป็นโรคแล้ว ดังนั้นจึงถือเป็นภาระความรับผิดชอบของทุกคนที่ต้องมีต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติโดยรวมต่อไป
อ้างอิง : สำนักจุฬาราชมนตรี
Wed Jul 14 , 2021
รพ.สนามศูนย์ประชุมนานาชาติฯ เร่งปรับพื้นที่เพิ่ม 563 เตียง เตรียมพร้อมรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง วันที่ 14 ก.ค. 64 นายแพทย์บุญประสิทธิ์ กฤตย์ประชา รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและพัฒนาคุณภาพ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัย กำลังดำเนินการขยายโรงพยาบาลสนามศูนย์ประชุมนานาชาติ ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จากเดิมพื้นที่ห้องอาหารที่รองรับได้ 60 เตียง และห้องประชุมคอนเฟอร์เรนซ์ที่รองรับได้ 200 เตียง จะขยายไปยังห้องประชุมคอนเวนชั่น สำหรับรองรับผู้ป่วยชายจำนวน 132 คน และผู้ป่วยหญิงจำนวน 176 คน และจะกันพื้นที่เพื่อรองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองจำนวน 55 คน นับเป็นโรงพยาบาลสนามแห่งเดียวของจังหวัดสงขลาที่มีศักยภาพรองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองได้ และจัดการกรองอากาศเพื่อทำลายเชื้อโรค และฝุ่นละอองด้วย HEPA Filter. ตามมาตรฐานที่ใช้ในโรงพยาบาล รวมทั้งจะทำการฆ่าเชื้อด้วยพลาสมา อากาศที่ออกจากที่นี่จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยกับชุมชน เชื้อโรคไม่แพร่กระจาย น้ำเสียก็จะได้รับการบำบัด ก่อนปล่อยออกไปเช่นกัน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จังหวัดสงขลา มีคนไข้โควิด-19 จำนวน 200-300 คน เป็นผู้ป่วยสีเหลือง 15% และผู้ป่วยกลุ่มสีแดง 1% ที่เหลือเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว ผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวคือผู้ที่ติดเชื้อไม่มีอาการ ส่วนผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง คือผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการ ผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและสีแดง จะส่งเข้าโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และโรงพยาบาลอื่นๆส่วนผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวให้เข้าไปอยู่โรงพยาบาลสนามเป็นเวลา 14 วัน จากนี้ไปจะลดเหลือ 10 วัน ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 กระทรวงสาธารณสุข เห็นชอบ ผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองที่มีจำนวน 15% หากดูแลไม่ทันท่วงที ก็จะกลายเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีแดงที่ใส่ท่อช่วยหายใจ ที่ต้องใช้ทีมแพทย์โรคติดเชื้อ แพทย์โรคปอด แพทย์เวชบำบัดวิกฤต ต้องมีแพทย์และพยาบาลทีมใหญ่ดูแล นอกจากนี้ บุคลากรทางการแพทย์ที่รักษาคนไข้ที่ติดโควิด ถ้าต้องไปกักตัว ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ไม่สามารถรับมือได้ เราจึงจำเป็นต้องเตรียมขยายพื้นที่ให้พร้อมรองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองที่จำเป็นต้องดูแลใกล้ชิด ต้องเอกซเรย์ปอดถี่ขึ้น และกินยาต้านไวรัส รวมทั้งต้องเตรียมสำหรับผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่มีอาการแย่ลง มีอาการหายใจหอบเหนื่อย โรงพยาบาลสนามศูนย์ประชุมนานาชาติฯ ม.อ. ที่เริ่มรับผู้ป่วยเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 ขณะนี้มีเตียงกระดาษบางส่วนเริ่มชำรุด ที่อยู่ในโซนห้องอาหารเดิมต้องเปลี่ยนใหม่ อ้างอิง : โรงพยาบาลสนามศูนย์ประชุมนานาชาติ ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine