มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์พร้อมช่วยนักศึกษาจากผลกระทบโควิด-19 ต่อเนื่อง ย้ำทุกคนต้องจบการศึกษา วันที่ 22 ก.ค. 64 ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุพจน์ โกวิทยา รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เผยว่า การดูแลช่วยเหลือนักศึกษาเป็นนโยบายหนึ่งที่สำคัญของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นภารกิจและหัวใจสำคัญของฝ่ายพัฒนานักศึกษาในการช่วยเหลือดูแลนักศึกษาให้สามารถศึกษาจนสำเร็จการศึกษาในมหาวิทยาลัยได้ เมื่อเกิดภาวะวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประเทศ รวมถึงการจัดการเรียนการสอน การเปิดปิดหอพัก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้ให้ความช่วยเหลือและเยียวยานักศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน โดยการลดค่าธรรมการศึกษาภาคปกติร้อยละ 20 ภาคการศึกษาฤดูร้อนร้อยละ 30 และลดค่าธรรมเนียมหอพักร้อยละ 10 และยังได้ให้ความช่วยเหลือเป็นทุนการศึกษา และให้เงินช่วยเหลือกรณีนักศึกษาติดเชื้อโคโรนา 2019 (COVID-19) วงเงินรวม 150,000,000 บาท โดยเริ่มจัดสรรตั้งแต่ปีการศึกษา 2563 โดยให้แต่ละวิทยาเขตจัดสรรตามความจำเป็นของนักศึกษา ซึ่งคงเหลือวงเงินจำนวน 45,000,000 บาท โดยนำมาจัดสรรให้วิทยาเขตต่างๆ ในปีการศึกษา 2564 สำหรับทุนการศึกษา แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ทุนการศึกษาทั่วไป (จัดสรรตามความเหมาะสม) ทุนทำงานแลกเปลี่ยน (ชั่วโมงละ 50 บาท) และทุนอาหารกลางวัน (วันละ 50 บาท หรือ 5,000 บาทต่อภาคการศึกษา) โดยจัดสรรให้ทุกวิทยาเขต แต่ละวิทยาเขตจัดสรรให้แต่ละคณะ และคณะจะดำเนินการจัดสรรแก่นักศึกษาตามความเหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะจัดสรรได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 และวิทยาเขตภูเก็ตจะดำเนินการภายในเดือนกันยายน 2564 รวมทั้ง สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ยังมีการระดมทุน ชื่อว่า “กองทุนรวมใจสีบลูเพื่อน้อง” มอบเงินจำนวน 600,000 บาท เพื่อเป็นทุนค่าอาหารกลางวัน มหาวิทยาลัยได้นำเงินดังกล่าวมาจัดสรรตามสัดส่วนของนักศึกษาแต่ละวิทยาเขต นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการจัดซื้อคอมพิวเตอร์พกพา เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนออนไลน์ โดยให้นักศึกษาเช่า 200 บาทต่อเดือน จำนวน 300 เครื่อง โดยกระจายตามสัดส่วนของนักศึกษาทั้ง 5 วิทยาเขต อ้างอิง :  สวท.สงขลา

ศบค.สั่งปิดเพิ่ม10 สถานที่-กิจการพื้นที่สีแดงเข้ม ร้านตัดผม สวนสาธารณะ ลานกีฬา วันที่ 22 ก.ค. 64 หลังจากที่ได้มีการประกาศล็อกดาวน์ คุมเข้มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดสีแดงเข้ม 13 จังหวัด ประกาศให้ปิดสถานบริการแล้วรวมทั้งสิ้น 23 ประเภท.เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการของข้อกำหนด ฉบับที่ 28 ที่มุ่งเน้นให้ลดการเดินทางและการออกนอกเคหสถานของประชาชน จึงมีข้อเสนอแนะ จาก ศปก.ศบค.ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัด อาศัยอำนาจพิจารณาสั่งปิดสถานที่/กิจการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเพิ่ม 10 กิจการ ดังนี้ 1.สนามกีฬาทุกประเภท (ประเภทในร่ม เช่น แบดมินตัน สนามฟุตซอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล/ประเภทกลางแจ้ง เช่น สนามกอล์ฟ สนามซ้อมกอล์ฟ สนามฟุตบอล สนามเทนนิส) 2. สระน้ำเพื่อการเล่นกีฬา หรือกิจกรรมทางน้ำ เพื่อการสันทนาการ สระว่ายน้ำสาธารณะ หรือกิจการอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน 3. ลานกีฬา 4. […]

สงขลา พบผู้ป่วยโควิด 253 คน รวมผู้ป่วยโควิดระลอกเดือน เม.ย. สะสม 8,778 คน วันที่ 22 ก.ค. 64 จังหวัดสงขลาพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ เพิ่มจำนวน 253 ราย โดยมีรายละเอียดดังนี้1. พบผู้ป่วยจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในกลุ่มพนักงานโรงงานโชติวัฒน์นาหม่อม และผู้สัมผัส จำนวน 56 ราย (พนักงานรายใหม่ 54 ราย / ผู้สัมผัส 2 ราย)2. พบผู้ป่วยจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในกลุ่มพนักงานโรงงานทรอปิคอลแคนนิ่งและผู้สัมผัส จำนวน 29 ราย (พนักงานรายใหม่ 4 ราย / ผู้สัมผัส 25 ราย)3.พบผู้ป่วยจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในกลุ่มพนักงานโรงงานอุตสาหกรรม 9 แห่ง (อีลีไทย,ศรีตรังโกลฟส์,คิงฟิชเชอร์,โชติวัฒ์อุตสาหกรรม,นิสซุย,สยามอินเตอร์,สงขลาแคนนิ่ง,ไฮไท,หลีเฮงฟู้ด) และผู้สัมผัส รวมจำนวน 47 ราย (พนักงานรายใหม่ 35 […]

ไขข้อข้องใจ สมัครประกันสังคม ม.40 เสียสิทธิบัตรทอง – บัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือไม่ ? วันที่ 22 ก.ค. 64 สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ชี้แจงถึงกรณีที่ผู้ถือบัตรทอง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน หรือสวัสดิการแห่งรัฐต่าง ๆ เมื่อสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 แล้ว ยืนยัน ไม่มีผลกระทบ และใช้สิทธิการรักษาพยาบาลร่วมกับบัตรทอง และสวัสดิการแห่งรัฐต่างๆ ที่เคยได้รับได้เหมือนเดิม แต่สิ่งที่ได้เพิ่ม เช่น มีสิทธิได้รับเงินทดแทนจากการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย หรือสิทธิประโยชน์กรณีเสียชีวิต ได้รับค่าทำศพ 50,000 บาท จากสำนักงานประกันสังคมเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน โดย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญแก่แรงงานภาคอิสระหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ให้เข้าถึงหลักประกันสังคมอย่างทั่วถึง เพื่อแบ่งเบาภาระและเป็นหลักประกันในชีวิต ทำให้มีชีวิตที่ดีขึ้น โดยสำนักงานประกันสังคม ได้เปิดโอกาสให้แรงงานภาคอิสระหรือผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีสัญชาติไทย หรือเป็นผู้ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ที่มีเลขประจำตัวหลักแรกเป็นเลข 0 หรือ 6 […]

อบจ.สงขลา ส่งมอบถุงยังชีพให้ประชาชนพื้นที่อ.สทิงพระ และ อ.กระแสสินธุ์ วันนี้ 22 ก.ค. 64 นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย นายนิพัฒน์ อุดมอักษร เลขานุการนายก อบจ.สงขลา นายประพันธ์ ศรีสุวรรณ ปลัด อบจ.สงขลา ประธานสภา อบจ.สงขลา รองประธานฯ สจ. อบจ. และเจ้าหน้าที่ อบจ.สงขลา เดินทางไปมอบถุงยังชีพให้แก่พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และโดนกักตัวอยู่บ้านในพื้นที่อำเภอสทิงพระ และอำเภอกระแสสินธ์ โดยจุดแรกได้นำไปมอบให้ที่ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอสทิงพระ โดยมี นายอำเภอ เป็นตัวแทนรับมอบถุงยังชีพ เพื่อนำไปส่งต่อให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาด และโดนกักตัวที่บ้าน ต่อไป ส่วนจุดที่สอง ที่ศาลาประชาคมอำเภอกระแสสินธุ์ โดยมีนายอำเภอกระแสสินธุ์ เป็นตัวแทนรับมอบ              นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา กล่าวว่า วันนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ลงพื้นที่อำเภอสทิงพระ และอำเภอกระแสสินธุ์ เพื่อนำถุงยังชีพมามอบให้กับพี่น้องประชาชน ที่ประสบปัญหาการแพร่ระบาดของ covid- 19 และถูกกักตัวที่บ้าน ซึ่งสิ่งของเหล่านี้ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ได้รับมอบมาจากพี่น้องประชาชน ที่มีจิตศรัทธานำมามอบให้กับทาง อบจ.สงขลา เพื่อนำมามอบให้กับพี่น้องประชาชนในทุกอำเภอ ทุกพื้นที่ และก็ยังมีอีกหลายครัวเรือนที่ยังคงมีความต้องการถุงยังชีพ โดยทาง อบจ.สงขลา ยังคงเปิดรับการบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา ผู้ใจบุญทุกท่าน ในการนำข้าวสาร อาหารแห้ง มามอบให้กับทาง อบจ.สงขลา เพื่อทาง อบจ.สงขลา จะได้ทำการคัดแยก และนำมามอบให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ต่อไป             ปัจจุบันจังหวัดสงขลาก็เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีผู้ติดเชื้อเยอะมาก จนเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม และเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด จึงอยากให้พี่น้องประชาชนในจังหวัดสงขลา ช่วยกันดูแลคนรอบข้าง และคนในครอบครัวอย่างเข้มงวด ตามมาตรการของสาธารณสุขจังหวัด หรือของอำเภอที่ให้คำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อจากคนอื่น และคนรอบข้างเราก็จะได้ไม่ต้องติดเชื้อ เพื่อเราทุกคนจะได้กลับมาสู่ภาวะปกติ และหันมาประกอบอาชีพได้ปรกติเช่นเดิม อ้างอิง : สวท.สงขลา

ผู้ว่าฯ สงขลา ลงพื้นที่ตรวจจุดตรวจรอยต่อ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กำชับตรวจเข้ม เอกสารหลักฐาน 3 อย่างต้องพร้อม  วันที่ 22 ก.ค. 64  ความคืบหน้าสถานการณ์โควิด 19 ที่ จ.สงขลา ยังคงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 175 คน ยอดสะสมผู้ติดเชื้อภายในจังหวัด 8,525 คน ส่วนยอดสะสมคลัสเตอร์เรือนจำ 1,101 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 7 คน รวมเสียชีวิตสะสม 51 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว ขณะที่ผู้ติดเชื้อที่พบส่วนใหญ่ยังคงกระจายตัวทั้งในกลุ่มของโรงงานต่างๆหลาย รวมทั้งกลุ่มที่เดินทางกลับมาจากโรงเรียนสอนศาสนาใน จ.ยะลา และ จ.ปัตตานี ส่วนที่เหลือเป็นการคัดกรองเชิงรุกทั้งในโรงงาน และตามชุมชนต่างๆหลายแห่ง โดยทั้งหมดได้มีการส่งเข้ารักษาตัวแล้ว และภาพรวมโรงพยาบาลหลักของรัฐ และโรงพยาบาลสนาม ยังคงเพียงพอที่จะให้การดูแลรักษาผู้ติดเชื้อภายในจังหวัด ขณะที่ทางสำนักงานสาธารณสุข จ.สงขลา ได้เผยแพร่ข้อมูลสถิติการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ของ จ.สงขลา ในระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. จนถึงปัจจุบัน โดยทำการตรวจในคน 5 กลุ่ม ทั้ง ผู้เข้าเกณฑ์ คนไทยกลับจากมาเลเซีย แรงงานต่างด้าว กลับจากพื้นที่เสี่ยง และ เรือนจำ รวม 76,878 ครั้ง ไม่พบเชื้อ 66,106 ราย และมีผู้ป่วยยืนยัน 9,451 ราย คิดเป็นอัตราติดเชื้อประมาณร้อยละ 12  ด้านนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่จุดตรวจคัดกรองบ้านควนติหมุน ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่าง อ.เทพา จ.สงขลา กับ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดตรวจหลักของจังหวัดที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มจังหวัดควบคุมสูงสุด สีแดงเข้ม เช่นเดียวกัน โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจมีความเข้มงวดในการตรวจสอบ และคัดกรองบุคลที่เดินทางผ่านเข้าออกระหว่างจังหวัด โดยเฉพาะในส่วนของ จ.สงขลา ได้มีการหารือ และกำหนดมาตรการที่เข้มข้นขึ้น โดยให้ผู้ที่จะเดินทางออกนอกเขตจังหวัดต้องทำ 3 ขั้นตอน คือการขอเอกสารรับรองความจำเป็นในการเดินทางจากที่ว่าการอำเภอ หรือ สถานีตำรวจ จากนั้นให้ทำการลงทะเบียนในเว็บไซต์หยุดเชื้อเพื่อชาติ เพื่อกรอกข้อมูลบันทึกการเดินทาง และรับคิวอาร์โค๊ด โดยเมื่อจะผ่านด่านตรวจออกนอกเขตจังหวัดจะต้องแสดงหลักฐานทั้ง 3 อย่าง แก่เจ้าหน้าที่ หากไม่มี หรือมีไม่ครบ ก็จะไม่อนุญาตให้ผ่าน และต้องไปทำการขอเอกสารหลักฐานมาให้เรียบร้อย เพื่อจำกัดการเคลื่อนย้ายของบุคคลและยานพาหนะในการเดินทางเข้าออก โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงด้วยกัน  อ้างอิง :  สวท.สงขลา